อยากออมเงิน เลือกบัญชีไหนดีระหว่างออมทรัพย์กับฝากประจำ?
หากคุณกำลังเริ่มต้นวางแผนการเงินหรือมองหา วิธีออมเงิน ที่มั่นคง การเลือกประเภทบัญชีเงินฝากที่เหมาะสมถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญ ซึ่งหลายคนอาจยังสับสนว่า บัญชีออมทรัพย์ หรือ บัญชีฝากประจำ แบบไหนให้ดอกเบี้ยคุ้มกว่า ใช้ง่ายกว่า และเหมาะกับเป้าหมายการ เก็บเงิน ของแต่ละคนอย่างไร บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น พร้อมแนะนำบัญชีดอกเบี้ยเงินฝากดอกเบี้ยสูงจากธนาคารชั้นนำ
บัญชีออมทรัพย์คืออะไร เหมาะกับใคร?
บัญชีออมทรัพย์คือบัญชีเงินฝากที่สามารถถอน-ฝากได้ตลอดเวลา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความยืดหยุ่น และมีเงินสำรองใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยทั่วไปจะให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าแบบฝากประจำ แต่ก็สามารถเลือกรูปแบบ บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง ที่ธนาคารหลายแห่งออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการออม เช่น Kept by Krungsri, SCB One Savings, หรือ ME Save จาก ME by TMB
ข้อดี:
- ใช้ Mobile Banking สะดวก
- ถอนเมื่อไรก็ได้
- มีโปรโมชั่นดอกเบี้ยสูงในบางช่วง
บัญชีฝากประจำคืออะไร แล้วเหมาะกับใคร?
บัญชีฝากประจำคือบัญชีที่ต้องฝากเงินเป็นจำนวนเท่ากันในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 12 เดือน โดยมีเงื่อนไขไม่สามารถถอนก่อนกำหนดโดยไม่เสียผลตอบแทน หากคุณต้องการสร้างวินัยทางการเงินและมองหาวิธีเก็บเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจ
ข้อดี:
- ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป
- เหมาะกับการออมเงินเป้าหมาย เช่น ทุนการศึกษา ซื้อของใหญ่ หรือเกษียณ
เปรียบเทียบ: บัญชีออมทรัพย์ VS ฝากประจำ แบบไหนดีกว่ากัน?
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนในการเลือกบัญชีที่เหมาะกับการออมเงิน ลองมาพิจารณาจุดเด่นของแต่ละประเภท:
- บัญชีออมทรัพย์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้เงิน สามารถฝาก-ถอนเมื่อไรก็ได้ เหมาะกับเงินฉุกเฉินหรือเงินหมุนเวียนในชีวิตประจำวัน โดยทั่วไปดอกเบี้ยจะอยู่ระหว่าง 0.25% ถึง 1.5% ต่อปี และอาจสูงขึ้นหากเลือกใช้บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจากธนาคารบางแห่ง
- บัญชีฝากประจำ เหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายออมเงินระยะยาว และต้องการสร้างวินัยในการออม เช่น ออมเพื่อซื้อของชิ้นใหญ่ ท่องเที่ยว หรือเกษียณ โดยต้องฝากเงินเป็นงวดรายเดือนตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 6 เดือน หรือ 12 เดือน ดอกเบี้ยมักอยู่ในช่วง 1.6% ถึง 3.0% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าแบบออมทรัพย์ แต่หากถอนก่อนกำหนดอาจไม่ได้ดอกเบี้ยตามที่กำหนด
การตัดสินใจเลือกบัญชีควรพิจารณาจากความยืดหยุ่นที่คุณต้องการ ความสามารถในการฝากเงินอย่างสม่ำเสมอ และเป้าหมายทางการเงินที่คุณตั้งไว้
เทคนิคออมเงิน: ใช้ทั้งสองแบบร่วมกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแนะนำให้ใช้บัญชีทั้งสองแบบควบคู่กัน เช่น:
- เปิดบัญชีออมทรัพย์ไว้สำหรับเงินฉุกเฉิน หรือใช้จ่ายรายเดือน
- เปิดบัญชีฝากประจำไว้สำหรับเงินออมระยะยาว เช่น ท่องเที่ยวประจำปี หรือค่าประกัน
วิธีนี้ช่วยให้คุณได้ประโยชน์ทั้งเรื่องดอกเบี้ยและความคล่องตัวทางการเงินในเวลาเดียวกัน
ตัวเลือกบัญชีเงินฝากเพิ่มเติมที่ควรรู้
นอกจากบัญชีออมทรัพย์และบัญชีฝากประจำ ยังมีตัวเลือกอื่นที่ตอบโจทย์การออมเงินหลากหลายรูปแบบ เช่น:
- บัญชีฝากประจำปลอดภาษี: ฝากระยะเวลา 24 หรือ 36 เดือน ได้รับยกเว้นภาษีดอกเบี้ย หากไม่ถอนก่อนครบกำหนด เหมาะกับผู้ที่ออมอย่างมีวินัย
- บัญชี Step-Up: ดอกเบี้ยจะเพิ่มตามระยะเวลาที่ฝาก เช่น เดือนแรก 1.5%, เดือนที่ 6 ขึ้นเป็น 2.2% ฯลฯ เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสูงในระยะกลาง
- บัญชี e-Saving: เปิดผ่านแอปธนาคาร ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป เช่น K-eSavings, TTB All Free
- บัญชีกระแสรายวัน: เหมาะกับผู้มีเช็คเดินบัญชีหรือใช้ในธุรกิจ ดอกเบี้ยต่ำแต่มีความคล่องตัวสูง
บัญชีฝากประจำ VS บัญชี e-Saving: แบบไหนเหมาะกับคุณ?
แนวคิดใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมคือการเปรียบเทียบ บัญชีฝากประจำ กับ บัญชี e-Saving หรือ บัญชีออนไลน์ ที่มีฟีเจอร์คล้ายบัญชีออมทรัพย์แต่ให้ดอกเบี้ยใกล้เคียงฝากประจำ โดยไม่มีข้อจำกัดในการถอน เช่น:
- บัญชี e-Saving จาก KBank (K-eSavings) ให้ดอกเบี้ย 1.5% (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2567)
- Kept by Krungsri ให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นตามจำนวนเงินออม (Step-saving)
สิ่งที่ควรพิจารณา:
- หากคุณต้องการดอกเบี้ยดี + ความยืดหยุ่น: บัญชี e-Saving เหมาะกว่า
- หากคุณตั้งใจออมระยะยาวแบบมีเป้าหมาย: บัญชีฝากประจำ คือคำตอบ
อัปเดตอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารชั้นนำ (ข้อมูล ณ พ.ค. 2567)
เพื่อให้คุณเลือกบัญชีได้เหมาะกับเป้าหมายการออมเงินมากที่สุด ต่อไปนี้คือข้อมูลดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากประเภทต่างๆ ที่น่าสนใจ:
- KBank (K-eSavings): ดอกเบี้ยประมาณ 1.5% ต่อปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการถอน
- TTB (All Free): ให้ดอกเบี้ยประมาณ 1.4% พร้อมสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน
- ธนาคารออมสิน (ฝากประจำ 12 เดือน): ดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.25% เหมาะกับผู้ที่ออมได้สม่ำเสมอเป็นเวลา 1 ปี
- Krungsri (Kept – Step-saving): ดอกเบี้ยแบบขั้นบันได สูงสุดถึง 2.5% ตามยอดเงินและระยะเวลาที่ออม
- SCB (ฝากประจำ 6 เดือน): เสนออัตราดอกเบี้ยที่ 2.1% สำหรับผู้ที่ออมเงินระยะสั้นแบบมีเป้าหมาย
ข้อมูลจากธนาคารโดยตรงและธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) อัปเดตล่าสุด: พ.ค. 2567
- Kept by Krungsri – มีฟีเจอร์แยกเงินออม + ดอกเบี้ยสูงแบบขั้นบันได
- SCB EASY – มีบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูงในบางช่วง
- K PLUS จากกสิกรไทย – ควบคุมง่าย ใช้งานผ่านแอปสะดวก
- MyMo จากออมสิน – เหมาะสำหรับผู้เริ่มออมเงิน
บัญชีฝากประจำจาก TTB / KBank / GSB – ดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.8–3.0% ต่อปี (อัปเดตทุกไตรมาส)
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: บัญชีฝากประจำต้องมีขั้นต่ำเท่าไร?
A: ส่วนมากเริ่มต้นที่ 500–1,000 บาท ขึ้นอยู่กับธนาคาร
Q: ถ้าถอนเงินก่อนครบกำหนดจะเกิดอะไรขึ้น?
A: มักจะไม่ได้รับดอกเบี้ย หรือได้รับแค่ดอกเบี้ยออมทรัพย์ทั่วไป
Q: เลือกธนาคารที่ไหนดี?
A: เลือกจากเงื่อนไขดอกเบี้ย + ความสะดวกในการฝากถอนผ่านแอป + ชื่อเสียงของธนาคาร
Q: ใช้บัญชี 2 แบบพร้อมกันได้ไหม?
A: ได้ แนะนำให้ใช้ควบคู่กันเพื่อสร้างสมดุลในการออมและบริหารเงิน
สรุป: เลือกบัญชีให้เหมาะกับเป้าหมาย
การเลือกบัญชีเงินฝากที่เหมาะสมไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการ ออมเงิน ของคุณ หากคุณต้องการความยืดหยุ่น บัญชีออมทรัพย์คือคำตอบ แต่หากคุณเน้นดอกเบี้ยสูงและมีเป้าหมายชัดเจน บัญชีฝากประจำคือทางเลือกที่เหมาะที่สุด หรือใช้ทั้งสองรูปแบบควบคู่กัน จะช่วยให้คุณวางแผน วิธีออมเงิน ได้อย่างมั่นคง